เราเชื่อว่า “การทำความดีไม่ใช่เรื่องยาก” ถ้าเราเพียงแค่ตั้งใจและลงมือทำ และการทำความดีก็มีหลากหลายวิธี
เช่นเดียวกับทริปประทับใจในครั้งนี้ TripTravelGang: ทริปทราเวลแก็งค์ ได้มีโอกาสเดินทางไปกับ เชฟโรเลต ประเทศไทย กับทริป “เชฟโรเลต สานฝันด้วยการเล่น” ไปสานฝันและเติมความสุขให้กับน้องๆ โรงเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสุนทรเวชและอีก 9 โรงเรียน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
พร้อมทั้งกิจกรรมฟื้นฟูปรับปรุงภูมิทัศน์ของโรงเรียนให้น่าอยู่และปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งเรารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเกินคำบรรยาย และอยากเก็บเรื่องราวมาบอกต่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำความดีให้กับเพื่อนแบบง่ายๆ กัน
สำหรับการเดินทางไปยัง อ.สังขละบุรี ในครั้งนี้ทางเชฟโรเลต ประเทศไทย ได้เลือกใช้รถกระบะโคโลราโด และรถเอสยูวีเทรลเบเซอร์ ซึ่งเป็นรุ่นมาตรฐานจำนวน 6 คัน และเป็นรุ่นที่ได้รับการตกแต่งพิเศษอีก 4 คัน โดยรถทั้งสองรุ่นมาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และแนวทางการตกแต่งได้อย่างไร้ขีดจำกัด
TripTravelGang: ทริปทราเวลแก็งค์ เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไป จ.กาญจนบุรี โดยรถยนต์เชฟโรเลต เทรลเบเซอร์ รุ่นLTZ ซึ่งเป็นรถเอสยูวีระดับพรีเมียมสไตล์อเมริกา คันใหญ่นั่งสบายพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษหลากหลายที่สามารถตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี และนั่งสบายฟินสุดๆ
สำหรับเส้นทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปยัง อ.สังขละบุรี นั้น เป็นเส้นทางขึ้น-ลงเขา ซึ่งจำนวนโค้งและทางลาดชันต้องมีมากอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับรถเชฟโรเลต เทรลเบเซอร์ เพราะเค้ามีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันและระบบป้องกันการลื่นไถล ซึ่งเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดได้อย่างคล่องสบาย
ใช้เวลาราว 5 ชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึง อ.สังขละบุรี เมืองเล็กๆ ที่รุ่มรวยเสน่ห์และสถานที่ท่องเที่ยว จนได้ฉายาว่า “เป็นเมืองสามหมอกและดินแดนสามวัฒนธรรม” อีกด้วย
ในสังขละบุรีมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่มากมายหลายแห่ง แต่ที่เป็นไฮไลท์ยอดนิยมและมาถึงแล้วห้ามพลาดชมในเวลานี้เลยก็คือ สะพานมอญ หรือสะพานไม้อุตตมานุสรณ์
สำหรับสะพานมอญแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาของชาวสังขละบุรี โดยมีหลวงพ่ออุตตมะ พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เป็นผู้ดำเนินการสร้างสะพานไม้นี้ขึ้น จากความร่วมแรงร่วมใจของชาวมอญที่มีศรัทธาต่อองค์หลวงพ่ออุตตมะ โดยใช้ท่อนไม้ต้นไม้ที่ยืนต้นตายอยู่ใต้เขื่อนเขาแหลมมาเป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้าง ซึ่งสะพานมอญเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2528 จนมาแล้วเสร็จในปี 2530 และมีการซ่อมแซมปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่ปีมานี้ หลังจากน้ำป่าได้พัดสะพานขาด
ปัจจุบันสะพานมอญ หรือสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่มีความยาวประมาณ 900 เมตรและถือว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า และเป็นสัญญลักษณ์ของเมืองสังขละบุรีไปเสียแล้ว
ใครมาสังขละบุรีก็ต้องแวะมาถ่ายรูป มาสัมผัสภาพชีวิตที่เดินข้ามฝั่งไปมา ภาพของสาวชาวมอญเทินของบนศีรษะ หิ้วปิ่นโต ปะแป้งทานาคา เดินข้ามไปทำงาน ภาพพระสงฆ์เดินบิณฑบาต ภาพเด็กๆ กระโดดเล่นน้ำ หรือแม้แต่ภาพวิถีชาวแพในแม่น้ำ ก็ถือเป็นภาพในความทรงจำของนักเดินทางและช่างภาพจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อเข้าที่พักแล้วเราก็ออกไปเดินชมบรรยากาศของสะพานมอญยามเย็นกัน ขอบอกว่าบรรยากาศของสะพานมอญในฤดูหนาวเป็นฟีลลิ่งที่ดีต่อใจแบบสุดๆ เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนชาร์จแบทร่างกายเป็นอย่างมาก
และระหว่างทางเดินบนสะพานจากฝั่งไทยไปยังฝั่งมอญนั้น เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนทั้งสองฟากฝั่ง รวมถึงเรือยนต์ที่แล่นผ่านไปมาบนผืนแม่น้ำซองกาเลียก็เป็นอีกหนึ่งภาพความสวยงามที่เราจะสามารถสัมผัสได้เมื่อมาเที่ยวสังขละบุรี
เรียกได้ว่าภาพบรรยากาศของสังขละบุรียามเย็นในวันนี้ก็ถือเป็นการต้อนรับผู้มาเยือนแบบเราได้อย่างน่าประทับใจสุดๆ
เริ่มต้นเช้าวันที่สองก่อนที่เราจะไปร่วมกิจกรรมดีๆ ที่ทางเชฟโรเลตจัดขึ้นเราก็ไปสัมผัสความเป็นสังขละบุรีกันตั้งแต่เช้าด้วยการเดินฝ่าหมอกหนาบนสะพานมอญเพื่อไปตักบาตรและกินอาหารเช้าเติมพลังกัน
สำหรับมื้อเช้านี้เราเลือกฝากท้องกันที่ร้านอาหารเช้าประจำฝั่งมอญ เปิดด้วยเมนูง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูกับปาท่องโก๋ที่เสิร์ฟมาร้อนๆ พอให้คลายหนาวได้เป็นอย่างดี และนอกจากที่ร้านจะมีโจ๊กหมูแล้ว ยังมีไข่ลวก ไข่กะทะ เครื่องดื่มชาร้อน กาแฟร้อนให้ได้จิบกันอีกด้วย เป็นเมนูที่หากินได้ง่ายแต่บวกกับบรรยากาศดีๆ ไปแล้วก็ทำให้เมนูนี้พิเศษขึ้นสองเท่าไปเลย
หลังจากกินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วเราก็ไปร่วมใส่บาตรพระแบบชาวมอญกัน ซึ่งในช่วงนี้เราจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวมอญที่จะมีการปะแป้งทานาคาเพื่อความสวยงาม รวมทั้งการเทินของบนศรีษะซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของชาวมอญที่จัดว่าเป็นเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ
และถ้าหากใครสนใจอยากจะใส่บาตรก็มีอาหารขายบริเวณหมู่บ้านมอญ รวมทั้งร้านค้าของที่ระลึกก็มีให้เลือกช็อปปิ้งเช่นเดียวกัน
เสร็จจากการใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปยังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสุนทรเวช เพื่อมอบวันเวิลด์ฟุตบอล ลูกฟุตบอลที่ไม่มีวันแตกจำนวน 1,354 ลูกให้แก่เด็กนักเรียน 1,354 คนจาก 9 โรงเรียน และร่วมฟื้นฟูปรับปรุงโรงเรียนตามความตั้งใจของเชฟโรเลตที่มุ่งมั่นในการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทยและถือเป็นการมอบพลังบวกให้แก่เด็กๆ อีกด้วย
สำหรับเส้นทางไปยังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสุนทรเวชนั้น จัดเป็นเส้นทางออฟโรดที่แอบหฤโหดไม่น้อย เพราะด้วยความเจริญที่อาจจะยังเข้าไม่ถึง จึงทำให้มีเส้นทางที่เป็นดินโคลนลาดชันรวมทั้งต้องขับรถฝ่าลำห้วยขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเจ้ารถเชฟโรเลต เทรลเบเซอร์ที่เรานั่งมานั้นมีความทน อึด และแกร่งสมกับเป็นรถสไตล์อเมริกา
พร้อมทั้งมั่นใจได้ถึงระบบความปลอดภัยที่ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และป้องกันการลื่นไถลทั้งขณะออกตัวและในโค้ง เรียกได้ว่าจัดเต็มแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบขนาดนี้คงหลงรักเชฟโรเลต เทรลเบอเซอร์อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน
เมื่อเดินทางถึงโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสุนทรเวชแล้ว ก็ถึงเวลามอบวันเวิลด์ฟุตบอล รวมถึงข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องใช้ในครัว ยารักษาโรค หนังสืออ่านนอกเวลา และเรายังได้ร่วมกันปรับภูมิทัศน์ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องสมุด และสนามกีฬาของโรงเรียนเพื่อให้เด็กๆ ในชุมชนได้เล่นกันอย่างปลอดภัย
คุณณฐมน จิรมหาโภคา ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาเครือข่าย เชฟโรเลต เซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราดำเนินกิจกรรมรับผิดชอบต่อสังคมมากมายตลอดทั้งปีนี้ โดยเฉพาะการช่วยเหลือเด็กและชุมชนที่ขาดแคลนโอกาส ความมุ่งมั่นของเราที่จะส่งเสริมพลังแห่งการเล่นผ่านการเล่นฟุตบอลเป็นส่วนสำคัญของโครงการรับผิดชอบต่อสังคมของเรา”
จัดว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเพื่อสังคมดีๆ ที่ทางเชฟโรเลตเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเป็นผู้ให้ รวมทั้งเป็นการนำพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงด้านบวกมาสู่ชุมชนที่ถือเป็นสิ่งดีๆ ที่สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างแท้จริง
และนี่เป็นอีกหนึ่งการให้ การทำความดีแบบง่ายๆ ที่คุณหรือใครก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
#——————————-#
ติดตามเรื่องราวการเดินทางสนุกๆ จากพวกเราได้ทุกวันคิดถึงที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก คิดถึงเรา TripTravelGang: ทริปทราเวลแก็งค์ คลิกเดียว…กินเที่ยวทุกวัน